วันที่ 5 ส.ค. ฝ่ายกฎหมายพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยว่า เตรียมยื่นฟ้องศาล ดำเนินคดีกับ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ กรณี โพสต์เฟซบุ๊ก เมื่อ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาเป็นข่าวปลอมที่มีเนื้อความเป็นเท็จ พร้อมภาพตัดต่อของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รวมทั้งคณะทำงานพรรคอนาคตใหม่ ในลักษณะที่อาจทำให้สังคมเข้าใจผิดว่า พรรคอนาคตใหม่มีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการก่อเหตุรุนแรงหลายจุดใน กทม.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ โดยฝ่ายกฎหมายของพรรคอนาคตใหม่ เตรียมยื่นคำฟ้องต่อศาลอาญา ดำเนินคดีกับ น.ส.ปารีณา ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328 รวมทั้งความผิดในการนำภาพของผู้อื่นไปตัดต่อดัดแปลง ทำให้เกิดความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 16 อย่างไรก็ตาม พบว่า ได้มีการดัดแปลงแก้ไขโพสต์ เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 5 ส.ค.เพื่อลบเนื้อหาที่อาจมีความผิดตามกฎหมายบางส่วนออกไป
ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า พรรคอนาคตใหม่ยินดีรับฟัง แลกเปลี่ยนความเห็นที่แตกต่างบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง พยายามอดทนอดกลั้นต่อข่าวปลอมและการป้ายสีสาดโคลนอย่างถึงที่สุด กรณีนี้เป็นการป้ายสีสาดโคลนด้วยข่าวปลอมโดยสิ้นเชิงในประเด็นที่ร้ายแรงคอขาดบาดตาย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง ทำให้สังคมเข้าใจผิดว่า พรรคอนาคตใหม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรง รวมทั้งเป็นการสร้างความเกลียดชังระหว่างผู้คนในสังคม อันจะนำมาสู่การใช้ความรุนแรงประทุษร้ายต่อกัน ซ้ำยังทำให้ปัญหาความขัดแย้งยิ่งฝังรากลึกลงไปอีก พรรคอนาคตใหม่จึงตัดสินใจดำเนินคดีกับ น.ส.ปารีณาเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพยายามกล่าวหามาตลอด
Tadotsu “เราไม่ได้ต้องการให้คุณปารีณาจะต้องรับผิดติดคุกแต่อย่างใด แต่อย่างน้อยสังคมจะต้องรับรู้ว่าเรื่องต่างๆ ที่เราถูกกล่าวหานั้นเป็นความเท็จโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะบุคคลที่เป็นผู้แทนของประชาชน จะต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการแพร่ข่าวปลอมและสร้างความเกลียดชัง และพรรคอนาคตใหม่ขอให้ทุกท่านตรวจสอบข้อมูลข่าวสารใดๆ ก่อนที่จะเชื่อและเผยแพร่ส่งต่อ ไม่เช่นนั้นแล้ว เราอาจตกเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการสร้างความเกลียดชังในสังคมได้” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
ขอขอบคุณ ไทยรัฐ