presciently เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นายเสวก ประเสริฐสุข รองนายก อบจ.ปทุมธานี และนายธีรพงค์ ผาบไชย ผู้อำนวยการกองช่าง อบจ.ปทุมธานี และวิศวกรสำรวจและออกแบบ ร่วมลงพื้นที่ตามที่มีเรื่องร้องเรียน อบจ.ใช้งบ 22 ล้านซ่อมแซมผิวถนนหลังได้รับผลกระทบจากภัยแล้งปีที่ผ่านมา
โดยโครงการซ่อมแซมถนนแอสฟัลท์คอนกรีต บริเวณเลียบคลอง 13 (ทางหลวงชนบทสาย ปท.3026) ม.6 ต.ศาลาครุ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ขนาดผิวจราจร 7.70 – 8.80 เมตร ยาว 510 เมตร งบประมาณก่อสร้าง 21,800,000 บาท หลังจากได้ซ่อมแซมเสร็จแล้วไม่ถึง 2 เดือน ชาวบ้านได้สังเกตว่ามีรอยร้าวชำรุดซึ่งถนนสร้างเสร็จใหม่ไม่ควรจะมี จึงได้ร้องเรียนไปยังผู้สื่อข่าวเพื่อเป็นกระบอกเสียงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขก่อนที่จะชำรุดเสียหายไปมากกว่านี้
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า หลังจากที่ทราบเรื่องร้องเรียนของชาวบ้าน ตนเองและ นายเสวก ประเสริฐสุข รองนายก อบจ.ปทุมธานี ได้ลงมาดูพื้นที่พบว่าเป็นถนนที่ได้ซ่อมแซมเสร็จไม่นานแต่กลับกลับมีรอยร้าว อาจจะทำให้ ผู้ใช้รถใช้ถนนเกิด อุบัติเหตุได้ โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์จึงได้ประสานผู้รับเหมาเจ้าของงานให้รับผิดชอบในการซ่อมแซมถนนแห่งนี้ให้ปรับปรุงผิวถนนที่ได้รับความเสียหายให้เรียบร้อยคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 7-12 วัน ผู้รับเหมาจะเร่งเข้ามาดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อย
นายเสวก ประเสริฐสุข รองนายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า จากที่ดูแบบก่อสร้างในการซ่อมแซมถนนหลังจากที่ได้ทรุดจากผลกระทบภัยแล้ง โดยการตอกเสาเข็มขนาด12เมตรตลอดระยะที่ซ่อม จากการสำรวจพบว่าถนนไม่มีการทรุดหรือแบะออก แต่จะเห็นได้ว่าเขื่อนกันนำ้ที่ทางหลวงชนบทได้ทำไว้ตลอดแนวถนนนั้นไม่มีสเตย์ยึดเขื่อน ก่อนที่ผู้รับเหมาดำเนินการซ่อมผิวถนน เขื่อนก็ได้เอียงอยู่ก่อนแล้ว คาดว่าที่มีราวร้าวบนผิวถนนจะไม่เกี่ยวข้องกับการออกแบบของอบจ. แต่จะเกี่ยวกับรถบรรทุกหนักได้เข้ามาใช้เส้นทาง จะเกิดการสั่นสะเทือนจนมีรายร้าวอย่างที่เห็น เนื่องจากเขื่อนรับน้ำหนักไม่ได้ และได้เอียงลงคลองมากขึ้นจึงพาให้ผิวถนนเคลื่อนตามไปด้วยในอนาคตต้องมีการแก้ไขที่เขื่อนแต่วันนี้ทาง อบจ จะรีบแก้ไขผิวถนนให้ก่อนเพราะกลัวประชาชนจะได้รับอันตราย.