อ้างเป็น “รอง ผบก.น.9” ตุ๋นวิ่งเต้น รองสารวัตร ตกเป็นเหยื่อเพียบ

cheap disulfiram online เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 13 ก.ย.62 พ.ต.อ.ธีระ เถระพัฒน์ ผกก.สน.ท่าข้าม นำกำลังฝ่ายสืบสวน สน.ท่าข้าม จับกุมตัว นายกานพล หรือ “กฤต” กองมงคล อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ จ.477/2562 ลงวันที่ 9 ก.ย.62 ข้อหา “ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือแค่บางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันพยายามฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และบัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ โดยจับกุมตัวได้หน้าบ้านเลขที่ 76 หมู่ 4 ต.ห้วยยาบ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน

พ.ต.อ.ธีระ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายคือ พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว รอง ผบก.น.9 เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ว่า มีผู้แอบอ้างนำรูปประจำตัวไปสมัครแอปพลิเคชันไลน์ เพื่อทำการหลอกลวงนายตำรวจหลายๆ คน ว่า สามารถช่วยเหลือในการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งได้ ทำให้มีผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหาเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็น พ.ต.อ.สุริยา จริงๆ กระทั่งทางฝ่ายสืบสวน สน.ท่าข้าม สืบทราบว่า นายกานพล ผู้ต้องหารายนี้ เคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันมาก่อนและถูกตำรวจกองปราบปราม จับกุมตัวได้เมื่อปี 2555 ถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี 8 เดือน พอพ้นโทษออกมาก็ไม่เข็ดหลาบยังมีพฤติกรรมแบบเดิมอีก จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ ก่อนติดตามไปจับกุมตัวได้ขณะหลบหนีไปกบดานอยู่ในท้องที่ จ.ลำพูน

จากการสอบสวน นายกานพล ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้มีอาชีพเป็นพ่อค้าตระเวนขายผลไม้อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ และเคยคลุกคลีกับพรรคพวกที่เป็นตำรวจ ตชด.มาก่อน ทำให้รู้ถึงแนวทางในการวิ่งเต้นแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ จึงไปซื้อซิมการ์ดหมายเลขโทรศัพท์ 082-478-0347 มาใช้กับโทรศัพท์มือถือส่วนตัว ก่อนนำมาสมัครแอปพลิเคชันไลน์ ชื่อ พ.ต.อ.สุริยา และใช้รูปประจำตัวของ พ.ต.อ.สุริยา ซึ่งหามาได้จากทางโซเชียลมีเดีย มาตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ จากนั้นใช้วิธีโทรศัพท์ไปตามโรงพักต่างๆ เพื่อสุ่มหลอกลวงนายตำรวจสัญญาบัตร อ้างว่า ตนเป็นนายตำรวจระดับสูงปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงาน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. และสามารถช่วยเหลือในการแต่งตั้งโยกย้ายได้ เมื่อเหยื่อตายใจหลงเชื่อก็จะใช้แอปพลิเคชันไลน์ทักไปหาเพื่อความน่าเชื่อถือ โดยที่ผ่านมาทำสำเร็จมาแล้ว 4 ครั้ง ได้เงินครั้งละ 200,000 – 300,000 บาท เงินที่ได้มาก็นำมาเที่ยวเตร่และใช้จ่ายจนหมด

ด้าน พ.ต.อ.สุริยา ซึ่งเดินทางมาสอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตนเอง กล่าวว่า ยืนยันตนไม่เคยรู้จักกับผู้ต้องหารายนี้มาก่อน ก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าตนที่ จ.สุราษฎร์ธานี โทรศัพท์มาหาตนสอบถามว่า ตนใช้เบอร์โทรศัพท์กับแอปพลิเคชันไลน์เบอร์เดิมหรือไม่ เพราะมีคนแอบอ้างตัวเป็น พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว โทรศัพท์ไปหาพนักงานสอบสวนที่โรงพักแห่งหนึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี อ้างว่าสามารถช่วยเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายได้ พอตนนำเบอร์โทรศัพท์ของผู้แอบอ้างมาทดลองแอดไลน์ ก็ปรากฏรูปโปรไฟล์เป็นรูปตนที่ถ่ายไว้เมื่อปี 2560 พอทราบว่าเป็นการนำรูปไปแอบอ้างและน่าจะได้รับความเสียหายแน่นอนแล้ว จึงเข้าแจ้งความกับ สน.ท่าข้าม ให้ฝ่ายสืบสวนแกะรอยล่าตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี

“จากการตรวจสอบเงินในบัญชีของผู้ต้องหาพบว่ามีเงินในบัญชีหมุนเวียนนับล้านบาท โดยที่ผ่านมาผู้ต้องหารายนี้มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ บช.ภ.5 แต่จะสุ่มโทรศัพท์ติดต่อไปหาตำรวจสัญญาบัตร ระดับรองสารวัตร ตำแหน่งร้อยตำรวจเอก ที่กำลังจะขึ้นเป็นสารวัตร ในพื้นที่ บช.ภ.8 เพื่อให้ไกลจากภูมิลำเนาตัวเอง โดยตนนั้นเชื่อว่า น่าจะมีผู้เสียหายหลงเชื่ออยู่หลายรายจากหลายสิบโรงพักแต่คงไม่มีใครกล้าเข้าแจ้งความ ซึ่งตนในฐานะเป็นผู้เสียหายที่โดนแอบอ้างจะดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งแพ่งและอาญากับผู้ต้องหาอย่างถึงที่สุด” พ.ต.อ.สุริยา กล่าว…

ขอขอบคุณ ไทยรัฐ