รื้อฟื้นคดีค่าโง่โฮปเวลล์! อัยการสูงสุดพบหลักฐานใหม่ยื่นศาลสู้ต่อ

http://davidpisarra.com/author/dpisarra66/page/3 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางอัยการได้มีการตรวจสอบพบหลักฐานใหม่ที่เห็นว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สามารถนำมาต่อสู้คดี จากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ รฟท.จ่ายค่าชดเชยแก่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด จากการบอกเลิกสัญญาโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟและถนนยกระดับรวมเป็นเงิน 11,888.75 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี และค่าใช้จ่ายอื่นๆ โดยต้องจ่ายค่าชดเชยให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับตั้งแต่คดีสิ้นสุด โดยความคืบหน้าล่าสุดพบว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ อดีต รมว.คมนาคม ได้ลงนามมอบอำนาจให้สำนักงานอัยการสูงสุด ดำเนินการยื่นหลักฐานใหม่ในคดีค่าโง่โฮปเวลล์เพื่อขอให้ศาลปกครองสูงสุดรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ เนื่องจากอัยการตรวจสอบพบว่ามีหลักฐานใหม่ที่ รฟท.สามารถนำมาใช้ต่อสู้คดีกับโฮปเวลล์ได้

“กรณีนี้อัยการมีความเห็นมาที่กระทรวงคมนาคมว่า ยังมีข้อมูลใหม่ที่ รฟท.สามารถนำไปต่อสู้คดีในชั้นศาลได้ ซึ่งในความเห็นส่วนตัวมองว่า ถ้ามีข้อมูลใหม่ เราก็ควรต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด ซึ่งขณะนี้ทราบว่าอัยการได้ยื่นหลักฐานใหม่ให้ศาลไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตามขั้นตอนศาลจะใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 30 วัน จึงจะให้คำตอบว่าจะรับพิจารณาหรือไม่รับพิจารณา หากศาลรับพิจารณา ก็จะมีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ แต่หากศาลไม่รับพิจารณาตามข้อเสนออัยการจะถือว่าคดีสิ้นสุด ซึ่ง รฟท.ต้องจ่ายค่าชดเชยให้โฮปเวลล์ต่อไป

นายศักดิ์สยามกล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ทางสำนักงานอัยการสูงสุดในฐานะทนายของภาครัฐ ได้มีหนังสือมาถึงกระทรวงคมนาคม ซึ่งขณะนั้นนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ยังดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคมอยู่ โดยระบุว่าสำนักงานอัยการสูงสุดมีหลักฐานใหม่และพร้อมชี้แจงประเด็นอื่นในคดีนี้เพิ่มเติม จึงจะส่งหลักฐานไปให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาและทบทวนคำตัดสินในคดีนี้อีกครั้ง ซึ่งทางรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมก็ไม่ขัดข้อง โดยนายอาคมได้ลงนามในหนังสือยืนยันกลับไปทางสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอให้ต่อสู้คดีจนถึงที่สุด โดยถ้าหากศาลปกครองสูงสุดรับพิจารณา หลักฐานใหม่ตามที่เสนอ ก็คาดว่าสำนักงานอัยการสูงสุดจะขอขยายระยะเวลาการชำระค่าชดเชยมูลค่า 12,000 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยออกไปจากกำหนดเดิม ซึ่งระบุให้ชำระภายใน 180 วัน

นอกจากนั้น ในระหว่างนี้ทางคณะทำงานเจรจาเพื่อลดผลกระทบต่อภาครัฐอันเนื่องมาจากคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ที่มีนายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ก็จะยังคงดำเนินการพิจารณาหาแนวทางการชำระค่าชดเชยโฮปเวลล์ควบคู่ขนานไปพร้อมกัน กับการมอบอำนาจให้อัยการเป็นตัวแทนรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่

ด้านนายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เผยว่า ตนไม่ทราบข้อมูลตามที่อัยการสูงสุดตรวจสอบพบใหม่ รวมทั้งกรณีการมอบอำนาจให้อัยการสูงสุดเสนอหลักฐานใหม่ต่อศาลปกครองสูงสุด เนื่องจากตนได้รับหน้าที่ให้พิจารณาตามคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด ประเด็นให้ รฟท.ชดเชยค่าเสียหายจากการบอกเลิกสัญญาเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมามีการประชุมคณะทำงานอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถเคาะมูลหนี้ที่แท้จริง และรูปแบบการชำระเงินได้ เนื่องจากข้อมูลบางส่วน รฟท.ต้องการรับฟังจากทางโฮปเวลล์ แต่จากการประสานกับเอกชนในช่วงที่ผ่านมา กลับไม่ได้รับข้อมูลจากทางโฮปเวลล์เพิ่มเติม ส่งผลให้ รฟท.ต้องรวบรวมข้อมูลจากทางภาครัฐเพื่อพิจารณาเพียงฝ่ายเดียว ทั้งนี้ มีกำหนดประชุมคณะทำงานอีกครั้งวันที่ 30 ก.ค.นี้

สำหรับคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 22 เม.ย.61 สั่งให้ รฟท.จ่ายค่าชดเชยความเสียหายจากการบอกเลิกสัญญาโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟและถนนยกระดับรวมเป็นเงิน 11,888.75 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี และค่าใช้จ่ายอื่นๆ โดยต้องจ่ายค่าชดเชยให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับตั้งแต่คดีสิ้นสุด โดยตามกำหนดดังกล่าว ร.ฟ.ท.จะต้องจ่ายค่าชดเชยไม่เกินเดือน ต.ค.62 นี้…

ขอขอบคุณ ไทยรัฐ