กัญชามีหวัง! หลัง “อนุทิน” ส่งต่อให้ รพ. เริ่มทดลองปลูกแล้ว

http://nonprofit-success.com/motivational/dont-lose-focus/ เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 31 ก.ค.62 ที่โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ร่วมเป็นประธานเปิดการประชุม วิชาการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย (National Health R2R Forum) ประจำปี 2562 ภายใต้หัวข้อ “Meta R2R to Value Based Healthcare” ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กำหนดจัดการประชุมขึ้น โดยมีบุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขจากทั่วประเทศ เข้าร่วมประชุมรวมกว่า 3,000 คน ทั้งนี้ในช่วงของการประชุมนั้นได้มีกลุ่มเครือข่ายภูมิปัญญาอีสาน เพื่อการพึ่งตนเอง เข้ายื่นหนังสือต่อนายอนุทิน เพื่อสนับสนุนแนวนโยบายในการนำกัญชา เข้าสู่การพัฒนาสำหรับการใช้งานทางการแพทย์ด้วย

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้กระทรวงสาธารณสุข หรือ สธ. ต้องร่วมกันทุกฝ่ายเพื่อให้บริการทางสาธารณสุขของไทยให้ดีเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการบรรจุแพทย์ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ที่จะต้องมีแพทย์ประจำในระยะเวลาของการปฏิบัติงานที่ยาวยิ่งขึ้นเพื่อที่จะได้ทำการรักษาประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากโรงพยาบาลใหญ่ๆ

“การเจ็บไข้ได้ป่วยบางครั้งไม่จำเป็นที่จะมารักษาที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ หรือโรงพยาบาลในตัวเมือง อย่างน้อย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ถ้ามีแพทย์ประจำก็จะสามารถคัดกรองให้เราได้ โดยไม่ต้องมาแออัดอยู่ที่โรงพยาบาลใหญ่ๆ เรากำลังจะพยายามนำอุปกรณ์ที่ทันสมัยมาใช้ให้มากขึ้นมาติดไว้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแต่ละแห่ง เพื่อที่จะใช้สมาร์ทโฟนเพื่อดูอาการของคนไข้จากโรงพยาบาลไกลๆ ได้ก็จะสามารถลดค่าใช้จ่าย ลดค่าเดินทางของคนไข้ไปยังโรงพยาบาลใหญ่ๆ”

นายอนุทิน กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการปลดล็อกในเรื่องของกัญชานั้น ขณะนี้ อย. ได้เริ่มให้สถาบันการศึกษา และมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมทั้งโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ทดลองกระบวนการการปลูกกัญชาแล้ว โดยกำหนดกรอบระยะเวลา 5-6 ปี จะต้องผลิตน้ำมันกัญชา ขวดละไม่เกิน 5 ซีซี ให้ได้ 1 ล้านขวดหรือ 5 ล้าน ซีซี เพื่อที่จะนำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลเครือข่ายของกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้นลำดับขั้นตอนจะต้องค่อยทำไปทีละขั้น ถ้าการรักษาพยาบาลจากสารสกัดจากกัญชาได้ผลมากก็จะเป็นบทพิสูจน์ของวงการการแพทย์ของไทย

“จากนั้นเราก็จะขยายการรักษาพยาบาลให้มากขึ้นเพิ่มไปได้เรื่อยๆ แล้วก็จะได้ไปเริ่มคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อคลายล็อกกัญชาเพื่อเป็นการเข้าถึงบริการของประชาชน หลังจากนี้ก็จะได้นำสารสกัดจากกัญชามาใช้ในคนป่วยอย่างจริงจังมากขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เราผลักดันมาได้ผลจริงๆ และคนที่ปลูกก็จะสามารถปลูกได้อย่างถูกต้องภายใต้การควบคุมของกฎหมาย”

ขณะที่ นายสุทธี ปุราทะกา ผู้ประสานงานเครือข่ายภูมิปัญญาอีสาน เพื่อการพึ่งตนเอง กล่าวว่า การพัฒนากัญชาสู่การให้บริการทางการแพทย์นั้นเป็นนโยบายที่รัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณศุข ที่เจ้ากระทรวงเดินหน้าผลักดันในเรื่องดังกล่าวถือว่ามาถูกทางแล้ว ดังนั้นการที่เครือข่ายฯ มาร่วมแสดงพลังสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลและ สธ. ในครั้งนี้เป็นการแสดงออกและเรียกร้องให้ทุกคนนั้นได้เข้าถึงกัญชาได้ทุกภาคส่วน ทุกคน คนที่ไม่ป่วยไม่เป็นโรคก็สามารถเข้าถึงได้ และที่สำคัญคือการสนับสนุนในการปลูกกัญชาคนละ 6 ต้น แต่อยากให้ปลูกได้ทั่วไป เครือข่ายฯ อยากให้ปลดล็อกกัญชา อยากให้มีการยืดเวลาออกไปอีกและให้ปลูกได้อย่างเสรี เพราะเป็นวิถีดั่งเดิมของคนสมัยเก่าโดยใช้กัญชารักษาโรคเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านท้องถิ่น และการเปิดให้มีการลงทะเบียนใหม่อีกครั้ง…

ขอขอบคุณ ไทยรัฐ