ส.บอลไทยตั้ง “โค้ชโต่ย” คุมช้างศึกลุย “คิงส์ คัพ”

สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประกาศแต่งตั้ง “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย และทีมสตาฟฟ์ชุดเดิม ประกอบไปด้วย โชคทวี พรหมรัตน์, เนบอยซ่า สตาเมนโควิช, ซาซ่า โทดิช ทำหน้าที่คุมทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์ คัพ ครั้งที่ 47” ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 5-8 มิถุนายนนี้

พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคม กล่าวว่า “วันนี้ โค้ชโต่ย (ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย) และ โค้ชโชค (โชคทวี พรหมรัตน์) พร้อมทีมงานได้มาเข้าพบผม เพื่อรายงานผลการทำงาน และปฏิบัติหน้าที่ สำหรับการแข่งขันไชน่า คัพ ที่ผ่านมา”

“ขณะเดียวกัน ผมได้แจ้งไปยังทีมงานสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทยชุดใหญ่ว่า จะให้ทำหน้าที่เฮดโค้ช ในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 47 ในวันนี้ ก็เป็นการมอบหน้าที่ให้ทีมสตาฟฟ์ได้คุมทีมอีกครั้งหนึ่ง”

“ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า ในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งนี้ จะมีทั้งหมดสี่ทีม ประกอบไปด้วย ทีมชาติไทย, ทีมชาติอินเดีย, ทีมชาติเวียดนาม และทีมชาติกือราเซา ซึ่งทั้งสามทีม มีอันดับฟีฟ่า แรงกิ้ง สูงกว่าทีมชาติไทยทั้งสิ้น”

“จากผลงานที่ผ่านมาของทีมชาติไทย ตั้งแต่เอเชียน คัพ และไชน่า คัพ ก็นับว่าเป็นที่ยอมรับได้ ใจจริงผมอยากจะสนับสนุนทีมงานคนไทยให้ทำหน้าที่ตรงนี้ จึงได้มอบหมายให้ โค้ชโต่ย และ โค้ชโชค ทำหน้าที่ตรงนี้ต่อไปในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งนี้”

“ส่วนการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อย และสามารถดำเนินการในส่วนที่ เกี่ยวกับ กฏ ระเบียบ ต่างๆ ได้ หาก โค้ชโต่ย ผ่านการอบรม โปร ไลเซนส์ โมเดลที่ 2 ในช่วงเดือนมิถุนายน สมาคมฯ ก็จะประสานงานกับทาง เอเอฟซี เพื่อให้โค้ชโต่ย สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ซึ่งแม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปได้ เพราะผมก็พร้อมที่จะสนับสนุนให้โค้ชโต่ยทำงานต่อไป”

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ จะจัดการแข่งขัน ที่สนาม ช้าง อารีนา จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 5-8 มิถุนายน 2562 ซึ่งการแข่งขันทุกนัดจะได้รับการรับรองจากฟีฟ่า และ เอเอฟซี ให้เป็น แมตช์ระดับ International ‘A’ Match และมีการนำผลลัพธ์ไปคำนวนคะแนนฟีฟ่า แรงกิ้ง โดยถ่ายทอดสด ทางช่อง ไทยรัฐ ทีวี ช่อง 32

โดยทีมที่เข้าร่วมประกอบไปด้วย

  1. ทีมชาติไทย (อันดับ 114)
  2. ทีมชาติเวียดนาม (อันดับ 98)
  3. ทีมชาติอินเดีย (อันดับ 101)
  4. ทีมชาติกือราเซา (อันดับ 82)

ขอบคุณ ข่าวฟุตบอลไทย จาก ราคาคุย