ล่า “หนุ่มKSR” แทง “ลุงแท็กซี่” เชื่อคนในพื้นที่เร็วๆ นี้ได้ตัว

จากกรณีหนุ่มหัวร้อนลักษณะผิวดำแดง รูปร่างท้วม สูงประมาณ 170 ซม. มีรอยสักบนหลังมือซ้าย ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่น KSR สีขาว-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ใช้อาวุธมีดแทงเข้าที่หน้าอกขวาของนายกิติพงษ์ มากจงดี อายุ 53 ปี คนขับแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า ออติส สีเขียว-เหลีอง ทะเบียน 1 มก 8983 กรุงเทพมหานคร แต่โชคดีที่มีแบงก์ 20 บาท ปึกใหญ่อยู่ในกระเป๋าเสื้อรับคมมีดไว้ ก่อนจะทำร้ายต่อยเข้าที่ใบหน้านายกิติพงษ์จนล้มศีรษะฟาดพื้นสลบเหมือด จากนั้นหนุ่มหัวร้อนได้หลบหนีไป สาเหตุจากหนุ่มหัวร้อนไม่พอใจที่แท็กซี่บีบแตรใส่ 1 ครั้ง เพราะตนเองไปขี่รถจยย.ปาดหน้า เหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา บนถนนพระราม 2 เลียบทางด่วนสะแกงาม ท้องที่สน.แสมดำ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 19 ส.ค. นายกิติพงษ์ มากจงดี อายุ 53 ปี ผู้เสียหาย เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.เริงศักดิ์ เพชรเขียว รอง สว.(สอบสวน) สน.แสมดำ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมและชี้จุดเกิดเหตุอีกครั้ง ด้าน พ.ต.อ.อำนาจ หาญชนะ ผกก.สน.แสมดำ เปิดเผยว่า วันนี้เรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำยืนยันลักษณะของอาวุธและการก่อเหตุของคนร้ายว่าเล็งเห็นผลขนาดไหน พยายามฆ่าหรือไม่ เพื่อแจ้งข้อหาต่อไป และให้พนักงานสอบสวนเก็บหลักฐานภาพถ่ายผู้เสียหายในที่เกิดเหตุเอาไว้ วันนี้ได้ตีกรอบให้ฝ่ายสืบสวนแล้วคดีต้องมีความคืบหน้า เนื่องจากพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน รถที่ไม่ได้ติดแผ่นป้ายทะเบียนดูแล้วคนร้ายน่าจะอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ ตอนนี้แม้ยังไม่ทราบตัวคนร้าย แต่การไล่กล้องวงจรปิดทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ ประกอบกับการนำภาพถ่ายคนร้ายไปลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ในละแวกดังกล่าวก็น่าจะมีประโยชน์ต่อรูปคดีพอสมควร

ขณะที่ พล.ต.ต.กัมปนาท โสภโณดร ผบก.น.9 เปิดเผยว่า รับรายงานเรื่องคดีดังกล่าวแล้วได้สั่งการให้ตำรวจ สน.แสมดำ เร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากพอสมควร เชื่อว่าจะจับคนร้ายได้ในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะเตือนพี่น้องประชาชนคนไทยผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่าน อยากให้ใช้ความเอื้ออาทรบนท้องถนนต่อกัน หนักนิดเบาหน่อยขอให้ทำใจเย็นๆ ค่อยๆ พูดค่อยจา ทุกอย่างจะจบด้วยดี ถ้าเกิดเหตุในลักษณะนี้ขึ้นมาแล้วก็จะลำบาก เสียทั้งเวลา ถูกดำเนินคดีเสียอนาคต ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอีกสักระยะ ยืนยันจะนำตัวคนร้ายมาดำเนินการตามกฎหมายให้ได้…

ขอขอบคุณ เฮียขับรถ , เดลินิวส์